วันพุธที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2556

บางหวาน (Sweet Station)



 


"บาง หวาน" หรือ "Sweet Station" แค่ชื่อร้านก็เก๋แล้ว จากความตั้งใจของพี่น้อง อยากจะสร้างร้านเล็กๆ ให้ศูนย์รวมของหวาน เร่ิมจากพี่สาวผู้มีฝีมือการทำขนม พี่เขยทำโรงงานขนมปัง มีสูตรสังขยาใบเตยแสนอร่อยของคุณแม่ สุดท้ายคือน้องชายผู้รักการทาน และอยากให้คนอื่นได้ทานของอร่อยเหมือนกัน ทั้งหมดจึงกลายเป็นที่มาของ สถานีที่เต็มไปด้วยความหอมหวานแสนอร่อยแห่งนี้นั่นเอง แถมยังตกแต่งบรรยากาศน่ารักน่านั่ง ตั้งแต่โทนสีชมพูหวานตัดขาว ประดับตู้ไปรษณีย์เก๋ๆ ตั้งเด่นอยู่ด้านหน้า ให้เลือกนั่งในห้องแอร์เย็นฉ่ำ หรือมุมเก้าอี้ Out door ยามแดดอ่อนๆ
 
แนะนำ :

- ขนมปังนิวเทล่า + นมข้น – ขนมปังปิ้งหน้าช็อกโกแลคนิวเทล่าเข้มข้น
ราดด้วยนมข้นหวาน – ขนมปังอัลมอนต์เนยสด + คาราเมล –
ขนมปังปิ้งหน้าถั่วอัลมอนด์ลาดคาราเมลซอส – แซนวิชสังขยาบางหวาน –
ขนมปังปิ้งประกบไส้สังขยาและเนยสดตรงกลาง – แซนวิชแฮม + ลาวาชีส – นมสด /
ชาเย็น / กาแฟเย็น / นมเย็น และอื่นๆ

ที่ตั้ง :

สาขาพระราม 9 : 555 ยูนิต A1 ถนนพระรามเก้า ซอย 49 เขตสวนหลวง, 10250 โทร. 02-718-9921
เปิดบริการ : จันทร์ – เสาร์ 07.30 – 21.00 น. อาทิตย์ 10.00 – 19.00 น.
สาขาสนามบินน้ำ : 99/127 หมู่ 5 ถ.สนามบินน้ำ ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000 โทร. 02-966-9912
เปิดบริการ : 11.00 – 21.00 น. ทุกวัน

เกาะลันตา สุวรรณภูมิ "นั่งกินปู ดูเรือบิน"







ร้านนี้อยู่แถวถนนกิ่งแก้ว อำเถอบางพลี สมุทรปราการ ใกล้กับสนามบินสุวรรณภูมิ
ร้านตกแต่งบรรยากาศสวนบาหลีมีต้นไม้ร่มรื่น มีงานศิลปะ ทั้งไม้ ทั้งหิน จากอินโดนีเซียมากมาย
แต่ที่สำคัญอาหารของร้านคืออาหารไทยแบบปักษ์ใต้ รสชาติจัดจ้านเน้นความสดใหม่

และราคาไม่แพงเป็นร้านอาหาร "เครือเปิบพิสดาร" ระดับ 4 ดาว คือ อร่อย / สะอาด / ราคายุติธรรม และบรรยากาศรวมทั้งบริการดี



เบอร์โทรศัพท์ : 027384811 , 027384812
วันและเวลาเปิดปิดทำการ :
เปิดทุกวัน เวลา 16.00 - 24.00 น.
การเดินทาง ร้านอาหาร เกาะลันตาสุวรรณภูมิ สาขา สุวรรณภูมิ :
ใช้เส้นทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ ตรงไปทางถนนกิ่งแก้ว ข้ามสะพานข้ามแม่น้ำ ก่อนเลี้ยวเข้าถนนกิ่งแก้วจะมองเห็นร้านอาหารเกาะลันตาสุวรรณภูมิอยู่ทาง ซ้ายมือ พอเลยทางโค้งลงสะพานให้เตรียมชิดซ้าย ร้านอยู่บริเวณเชิงสะพาน
ที่จอดรถ : ที่จอดรถของร้านอาหารเกาะลันตาสุวรรณภูมิ


วันอังคารที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2556

"Chocolate Ville" ร้านอาหารสไตล์ยุโรป



ร้าน Chocolate Ville (ช๊อกโกแลต วิลล์) เป็นร้านอาหารเปิดใหม่ช่วงปลายปี 2011 อยู่บนถนนเกษตร-นวมินทร์ ใกล้กับแยกนวมินทร์ สไตล์ของร้านจะเป็นสวนอาหารนานาชาติเช่น ไทย เยอรมัน อิตาเลี่ยน บนพื้นที่กว่า 16 ไร่ มีอาหารอร่อยๆ ไวน์หลากหลาย ภายในร้านจะตกแต่งแบบบ้านชนบทในต่างประเทศ มุมสวยๆ ให้ถ่ายรูปมากมาย คล้ายๆ กับ บ้านน้ำเคียงดิน ที่ถนนอักษะ ภายใต้คอนเซ็ป “Dining in the Park” ร้านอาหารสมัยนี้อร่อยอย่างเดียวไม่พอแล้วครับ ต้องมีสถานที่ให้คนถ่ายรูปสวยๆ พอคนไปกินแล้วถ่ายรูปลง Facebook, Pantip ก็จะสร้างกระแสใน Social media ให้เป็นที่รู้จักได้ ชื่อ “ช๊อกโกแลต วิลล์” เป็นชื่อของทางร้าน ทางร้านไม่ได้มีช๊อกโกแลตขายนะครับ

จาก Facebook ของ Chocolate Ville บอกว่าวันเสาร์ที่เราจะไปมีโต๊ะ 30% ถูกจองไปหมดแล้ว ที่เหลือ 70% จำนวนโต๊ะทั้งหมดมีประมาณ 200 โต๊ะ สำหรับลูกค้า walk in ถ้าอยากจะไปทานก็ต้องไปตอน 4 โมงเย็น หรือไม่ก็หลัง 20.30 น. ถึงจะได้ทาน แสดงว่าคนมากินเยอะมากๆ เลยตัดสินใจว่าไหนๆ ก็มาแล้วต้องมาทานให้ได้ เลยมาถึงร้านตั้งแต่ตอน 4 โมงเย็น ร้านเปิดพอดีครับ


ที่หน้าร้านจะมีกังหัน ตั้งอยู่ริมถนน หาไม่ยากครับ มองเห็นแต่ไกลเลย ถ้ามาจากแยกนวมินทร์ทางร้านจะอยู่ทางซ้ายมือ

 

Chocolate Ville ร้านอาหารนานาชาติสไตล์ยุโรป นั้นไม่ได้เป็นเพียงร้านอาหารบรรยากาศดีเท่านั้น แต่ได้กลายเป็นสถานที่แฮงเอาท์แห่งใหม่ ของคนเมือง เพราะร้านอาหาร Chocolate Ville แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาภายใต้คอนเซ็ปต์หรือแนวความคิดว่า “Dining in the Park”


เนรมิตให้พื้นที่บริเวณถนนเกษตร-นวมินทร์ กลายเป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่สไตลล์ยุโรป ดึงดูดสายตาผู้มาเยือนด้วยอาคารทรงสวย สีสันพาสเทลและประภาคารสูงเด่น ที่ถูกจำลองมาจาก Maine's Harbor Lighthouseทำให้เราไม่ต้องไปสัมผัสความสวยงามไกลถึงมลรัฐ Massachusetts ในประเทศสหรัฐอเมริกา




อีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยเพิ่มความรู้สึกผ่อนคลายเย็นสบายให้กับร้าน Chocolate Ville แห่งนี้คือ แม่น้ำสายย่อมๆ ที่คั่นกลางแบ่งบริเวณร้านเป็นสองฝั่ง และเชื่อมด้วยสะพานสวยอีกหนึงมุมสวยๆ ของร้านที่พลาดไม่ได้เลยค่ะ แนะนำให้โทรมาสอบถาม สำรองที่นั่งกันล่วงหน้าค่ะ มาถึงร้านถ้ามีที่นั่งแล้วก็ไม่ต้องห่วง เดินเล่นหามุมสวยๆ เก็บภาพประทับใจกันได้เลย เกือบลืมบอกไปว่า Chocolate Ville เปิดให้ลูกค้า และคนทั่วไปเข้ามาเดินเล่นถ่ายรูป เก็บภาพบรรยากาศสวยๆ ของร้านกันได้ตั้งแต่เวลา 12. 00 น. (ไม่มีค่าใช่จ่าย ) ฟรีนั่นเองค่ะ ส่วนโซนของร้านอาหารจะเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 16.00 – 0.00 น.
(บ่ายสี่โมงเย็น ถึง เที่ยงคืน)
เมนูอาหารและเครื่องดื่มแนะนำของร้าน Chocolate Ville นั้น มีให้เลือกหลากหลายมาก มีบริการอาหารนานาชาติทั้ง อาหารไทย อาหารจีน อาหารฝรั่ง อาหารเม็กซิกัน ไปจนถึง ซีฟู้ดเลิศรส รวมแล้วมากกว่า 300 รายการ ซึ่งทางร้านเขาย้ำมาด้วยว่า Chocolate Ville ราคาอาหารไม่แพงอย่างที่คิด

OpenRice.com เก็บภาพบรรยากาศสวยๆ ของร้าน Chocolate Ville มา ฝากเพื่อนๆ นี้เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ยังมีมุมสวยๆ อีกเพียบ ใครมีโอกาสได้ไปสัมผัสบรรยากาศดี ลิ้มลองความอร่อย แล้วอย่าลืม แชะ ชิม แล้วเอามาแชร์ ให้เพื่อนๆ ได้ชมกันด้วยนะค่ะ


 

ร้าน Chocolate Ville ตั้งอยู่ที่  ถนนเกษตร-นวมินทร์ กม.11 บึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร 10240
Facebook   http://www.facebook.com/chocolateville
เว็บไซต์  http://chocolateville.net
เบอร์โทร  083 077 3738


ร้าน Chocolate Ville ตั้งอยู่ที่  ถนนเกษตร-นวมินทร์ กม.11 บึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร 10240
Facebook   http://www.facebook.com/chocolateville
เว็บไซต์  http://chocolateville.net
เบอร์โทร  083 077 3738 - See more at: http://www.paiduaykan.com/travel/chocolateville/#sthash.PEjPKwd8.dpuf

Purr Cat Cafe' คาเฟ่แมวๆ







“Purr Cat Café Club” อยู่ในซอยสุขุมวิท 53 ซึ่งมาง่ายมากด้วยรถไฟฟ้า และลงที่สถานีทองหล่อค่ะ ร้านอยู่ไม่ไกลจากปากซอยมากนัก ประมาณ 500 เมตรได้ เดินชิลล์ๆ มาได้ค่ะ แต่ถ้าใครไม่อยากเดินก็สามารถให้พี่วินพามาส่งได้ ร้านจะอยู่ทางซ้ายมือค่ะ

บรรยากาศด้านนอกตกแต่งเป็นบ้านในสวน นั่งชิลล์รับลมด้านนอกได้ แต่ไฮไลท์ของที่นี่อยู่ด้านในร้าน คือ เจ้าเหมียวตัวอ้วนปั่กที่นั่งๆ นอนๆ กลิ้งอยู่ตามพื้น ตามตรอกซอกเล็กๆ ของเก้าอี้ หรือนอนอยู่อย่างเนียบเนียนบนชั้นหนังสือนั่นเอง คนรักสัตว์คงต้องชอบอกชอบใจอย่างแน่นอนค่ะ





ภายใน ร้านแบ่งออกเป็น 4 โซนด้วยกันค่ะ คือ Purr Salon หรือร้านเสริมสวยน้องแมวนั่นเอง, โซนที่วางขายเสื้อผ้ายี่ห้อ Blackheart, โซนสื้อผ้าหมาแมว และโซนที่เป็นคาเฟ่ค่ะ ซึ่งเมนูเบเกอรี่ และเครื่องดื่มของที่นี่มีให้เลือกหลากหลาย และที่น่ารักไปกว่านั้นคือกิมมิกเล็กๆ ของร้านที่จะตกแต่งหน้าเบเกอรี่ หรือเครื่องดื่มออกมาเป็นรูปน้องเหมียวนั่นเอง รสชาติก็ไม่ต้องสืบค่ะ ใครที่ชอบทานเบเกอรี่เป็นทุนเดิมอยู่แล้วพลาดไม่ได้เลยทีเดียว






สำหรับในโซนของคาเฟ่นั้น ก็จะแบ่งเป็นส่วนของโต๊ะกาแฟที่มีโซฟานั่งยาว กับ โต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กที่มีเบาะรองนั่งกับพื้น ก็ได้ฟีลที่แตกต่างกัน ใครชอบแบบไหนก็เลือกได้ตามใจชอบค่ะ และถ้าใครอยากเล่นกับน้องเหมียวแน่นอนว่าควรล้างมือ ทำความสะอาดให้เรียบร้อยก่อนเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคที่ติดมือเราเข้ามา ไปทำร้ายน้องแมวได้ค่ะ ที่นี่นั่กตรงที่ใส่ใจถึงความเพลิดเพลินของน้องแมวเป็นอย่างมาก เพราะจะเห็นได้จากการตกแต่งร้านที่จะมี Cat’s Walk อยู่ให้แมวได้กระโดดขึ้นลง วิ่งตามใจ ค่ะ


สำหรับการเข้ามานั่งจิบกาแฟที่นี่ก็มีกฎเล็กๆ น้อยๆ ที่ขอให้ลูกค้าปฏิบัติตามเพื่อความเพลิดเพลินของทั้งลูกค้า และของเจ้าแมว ตามนี้ค่ะ
1. ต้องทำความสะอาดมือทุกครั้งก่อนเล่นกับน้องแมว
2. โปรดคำนึงถึงความสบายใจของแมวเป็นหลัก
3. อย่าใช้ความรุนแรง เช่น หยิบหลังคอแมว ดึงหาง เป็นต้น
4. ห้ามใช้แฟรชในการถ่ายรูป
5. ห้ามปลุกแมวหลับ
6. ห้ามให้อาหารแมว
7. กรุณาดูแลลูกหลานให้ปฏิบัติตามกฎ
8. ห้ามอุ้มแมว และอย่าให้แมวเลียมือ



สำหรับ กฎ 8 ข้อง่ายๆ นี้ คิดว่าทุกคนที่รักสัตว์ก็พร้อมที่จะปฏิบัติตามอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะคะ คนรักเหมียวพลาดไม่ได้ทีเดียวเลยค่ะร้านนี้ อยากมาเที่ยว มานั่งชิลล์เพลินๆ จิบกาแฟไป ทานเบเกอร์รี่อร่อยๆ เล่นกับเจ้าเหมียวไป ก็มาง่ายๆ ได้เลยที่นี่สุขุมวิท 53 ค่ะ



ที่อยู่ : ซอยสุขุมวิท 53 ถนนสุขุมวิท สามารถเดินทางจากรถไฟฟ้ามาลงที่สถานีทองหล่อ
โทร.0-2108-3604

ร้านนี้หยุดวันจันทร์เปิด 11 โมงเช้าทุกวัน ปังคารถึงพฤหัสจะปิดสองทุ่ม
และสำหรับวันศุกร์ถึงอาทิตย์ปิดสามทุ่ม นะคะ

เข้า ซอยสุขุมวิท 53 ร้านจะอยู่ทางซ้ายมือ อยู่ระหว่างซอยทองหล่อ 5 กับซอยทองหล่อ 9 นะคะ 

วันพุธที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2556

BAIYOK SKY TOWER Buffet @ 81 FL. " Eating with the Gorgeous Night View of BANGKOK "

วันนี้จะพาคุณผู้อ่านมาทานบุฟเฟ่ต์กันที่ Bangkok Balcony
ห้องอาหารบนอาคารที่สูงที่สุดในประเทศไทย ตั้งอยู่ในโรงแรมใบหยกสกาย
หรือที่เรานิยมเรียกกันง่ายๆ ว่า ตึกใบหยก 2 อาคารที่สูงที่สุดในประเทศไทย นั่นเอง



ห้องอาหาร Bangkok Balcony นี้จะจัดที่นั่งเป็น 2 ส่วน คือโซนด้านในกระจก และโซน Open-Air ด้านนอก
โซนด้านใน รองรับคนได้ 180 ที่นั่ง ก็จะมีไลน์บุฟเฟ่ต์อาหารนานาชาติมากมายหลายเมนูเลยล่ะ



และโซน Open-Air ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 4 ทิศ คือทิศเหนือ, ใต้, ตะวันตก และตะวันออก
โดยที่ทั้ง 4 ทิศก็จะมีมุมมองของกรุงเทพฯ ที่แตกต่างกันออกไป จำกัดเพียง Balcony ละ 20 ที่นั่งเท่านั้น
เหมาะมากๆ สำหรับการมาดินเนอร์กับคู่รัก เพราะจะได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศกรุงเทพฯ ยามเย็น
ในมุมพาโนราม่า 360 องศา ให้ความรู้สึกคล้ายๆ เรายืนที่ระเบียงบ้านมองวิวหน้าบ้าน

แต่ที่นี่เป็นระเบียงของกรุงเทพ....มหานครของพวกเรา





ที่ตั้ง : โรงแรมใบหยก สกาย ชั้น 81 ถนนราชปรารภ กรุงเทพมหานคร
โทร. : 0-2656-3456 กด 4, 0-2656-3939
เว็บไซต์ : baiyokesky.baiyokehotel.com
เปิดบริการ : ทุกวัน เฉพาะมื้อค่ำ ตั้งแต่ 17.30 - 23.00 น.

ไลบรารี่ ร้านกาแฟเงียบๆ บรรยากาศสบายๆ แถวพระราม 9




 

สำหรับใครที่มองหาร้านกาแฟสวยๆ ซักร้าน เพื่อใช้เวลาว่างในยามบ่ายไปกับหนังสือดีๆ ซักเล่ม สำหรับที่ ไล-บรา-รี่ (Library) น่าจะตอบโจทย์ได้อย่างดีทีเดียว

ไล-บรา-รี่ เป็นร้านกาแฟเล็กๆ แต่แฝงไปด้วยกลิ่นอายของความน่านั่ง ซึ่งดัดแปลงบ้านพักมาเป็นห้องสมุดเล็กๆ ตามชื่อของร้าน (Library) ภายในบ้านหลังสีขาว ซึ่งด้านในร้านก็ตกแต่งด้วยโทนสีขาวและสีของไม้ธรรมชาติเป็นหลัก มีการใช้เฟอร์นิเจอร์แบบย้อนยุค รวมทั้งชั้นหนังสือขนาดใหญ่ ที่บรรจุหนังสือต่างๆ สำหรับลูกค้าได้มาหยิบยืมอ่านระหว่างจิบกาแฟ และเบเกอรี่ หรือเลือกที่จะหยิบคอมพิวเตอร์ Notebook หรือ tablet ต่างๆ มาอัพเดทข้อมูลต่างๆ ได้อย่างเพลิดเพลิน เพราะที่นี่มีบริการ ฟรี Wi-Fi ฟรี เมื่อซื้อเครื่องดื่ม หรือเบเกอรี่ของที่ร้าน



สำหรับคอกาแฟ คงจะชื่นชอบรสชาติกาแฟหอมของที่นี่ได้ไม่ยาก เพราะที่นี่เลือกใช้เมล็ดกาแฟอาราบิก้าเบลนด์คั่วปานกลาง ผ่านเครื่องชงแบบคันโยก ทำให้ได้กาแฟหอมกรุ่น สำหรับผมเลือกสั่ง “Caramel Macchiato (85.-)” กาแฟ เอสเพรสโซ่ ที่มาพร้อมฟองนม ที่วาดเป็นลวดลายสวยงาม ที่สำคัญยังเติมความหวานมันด้วย Caramel ที่ทำให้กาแฟร้อนแก้วนี้หอมหวานลงตัวทีเดียว สำหรับ Signature ของที่นี่คงไม่พ้น “Li-Bra-Ry Waffle (75.-)” วาฟเฟิลร้อนๆ สีเขียวสดใส หอมกลิ่นใบเตยอ่อน ที่มีเสิร์ฟในรูปแบบของงานศิลปะ วาฟเฟิลที่นี่หอมหวาน กรอบนอกนุ่มในดีมากๆ เลยครับ




หลัง จากนั้นผมก็เพลิดเพลินไปกับกาแฟแก้วโปรด และหนังสือดีๆ ซักเล่มในบรรยากาศชิลๆ ของร้าน ซึ่งที่นี่มีที่จอดรถสะดวกสบาย สำหรับใครที่ต้องการเดินทางมาที่นี่ก็ไม่ยากครับ โดยเลี้ยวเข้าพระรามเก้า ซอย 41 (ซอยข้างๆ The nine พระรามเก้า) เข้าซอยไปไม่ไกลนักจะเห็นป้ายร้านอยู่ทางขวามือ สามารถเลี้ยวเข้าจอดได้เลยครับ นอกจากสาขาพระรามเก้าแล้ว ที่ ไล-บรา-รี่ ยังมีสาขา 2 อยู่ในซอยสุขุมวิท 24 ซึ่งมีการตกแต่งร้านได้สวยงามไม่แพ้กันเลยครับ






เมนูแนะนำ : ไลบรารี่วาฟเฟิล, บานอฟฟี่, บราวนี่โดนัท, บราวนี่ช็อกโกแลต, เอสเพรสโซ่, กาแฟเย็นไลบรารี่, เวรี่เบอร์รี่สมูทตี้, ชาเขียวเข้มข้นปั่น,ผักโขมอบชีส



  การเดินทาง Library สาขา พระราม 9 :

จากถนนพระราม 9 ตรงไปพระราม 9 ซอย 41 เลี้ยวเข้าซอย 41 ไปประมาณ 20 เมตร จะเห็นร้านไลบรารี่ อยู่ด้านขวามือ ใกล้กับพรีเมียร์พระรามเก้า

ที่จอดรถ : ที่จอดรถของร้านไลบรารี่

ที่อยู่ : ปากซอยพระรามเก้า 41 (ข้างพรีเมียร์พระรามเก้า) ถนนพระรามเก้า เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ
เปิดบริการ : จันทร์ - ศุกร์ 08.00 - 21.00 น. , เสาร์ - อาทิตย์ 09.00 - 21.00 น.
โทรศัพท์ : 0 2718 3993

วันอังคารที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2556

จิบชาแกล้มเค้ก บรรยากาศสบาย ๆ @ Agalico


นั่งทานเค้ก.....



นั่งชิลๆ จิบชาหอมๆ....


ไปกับร้าน Agalico (อกาลิโก) .... ท่ามกลางบรรยากาศสวนสวยหลากหลายมุม..


Agalico (อกาลิโก) พวกเรากำลังนั่งอยู่ท่ามกลาง บรรยากาศแบบสวนสวย เงียบสงบ เหมือนนั่งอยู่ในบ้านตัวเองจริงๆ จนเราไม่กล้าพูดคุยกันเสียงดังกัน ดูเหมือนบรรยากาศที่นี้จะสอนให้เรารู้จักมารยาททางสังคมแบบกลายๆ ที่นี้จึงให้อารมณ์ความเป็นส่วนตัวดีมากๆ ไม่เอิกเกริกวุ่นวาย (ยิ่ง ทราบว่าเจ้าของร้านไม่ใช่คนธรรมดาด้วยแล้ว ยิ่งทำให้เราร้องอ๋อทันที) ร้านอกาลิโก ที่นี้จึงเหมาะสำหรับสุภาพชนทั่วไป มองเรื่องไม่สบอารมณ์เป็นเรื่องยิ้มๆ ใช้ชีวิตในแบบไลฟ์สไตส์อย่างแท้จริง...




ขณะที่พวกเรา กำลังนั่งอินไปกับบรรยากาศเพลินๆอยู่นั้น ก็มีเสียงค่อยๆดังเข้ามา "ของว่างที่สั่งเตรียมไว้คะ" "ขอบคุณคะ" "ขอบคุณนะครับ" พวกเราหันไปยิ้มพร้อมกับคำขอบคุณ ...ที่นี้มีชาชั้นดีให้เลือกทานมากมาย และก็เค้กที่อร่อย โดยเฉพาะ Scones ซึ่ง ณ ที่ร้านเเห่งนี้เปรียบเสมือน ร้านน้ำชาเเห่งกาลเวลา คือไม่ต้องการให้ยึดติดกับกาลเวลา สบายๆ เพลิดเพลินไปกับสวนสวย ซึ่งมีหลากหลายมุมให้ลูกค้าได้เดินชม นั่งชม ท่ามกลางบรรยากาศที่สวยงาม ร่มรื่น เดินเพลินๆในสวนจนไม่อยากกลับ :)





ภายในร้าน Agalico (อกาลิโก) จะ มีการตกเเต่งด้วยโทนสีขาว ทันที่ที่ได้เดินก้าวขาเข้ามาในร้าน จะรู้สึกเหมือนได้นั่งเล่นอยู่ที่บ้าน มีเฟอร์นิเจอร์โทนสีขาว และของประดับตกลงก็เป็นโทนสีขาวเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะ เก้าอี้ โซฟา ก้มีเลือกให้ลูกค้าได้นั่งตามมุมต่างๆตามต้องการ บรรยากาศภายในร้าน ดูเงียบและสงบ มีการเปิดเพลงคลาสสิคเบาๆตลอดเวลา เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัว หรือต้องการหลีกหนีความวุ่นวาย มาอยู่กับธรรมชาติ







ที่อยู่ : 20 ซอยสุขุมวิท 51 ถนนสุขุมวิท (BTS สถานีทองหล่อ) เขตคลองเตย กรุงเทพฯ
เปิดบริการ : ศุกร์ - อาทิตย์ 10.00 - 18.00 น.
โทรศัพท์ : 0 2662 5857
เว็บร้าน : http://www.agalico.co.th

Little Spoon คาเฟ่ “ช้อนคันเล็ก” ย่านอโศก




เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ได้ไปคาเฟ่น่ารักย่านอโศก ชื่อ Little Spoon

เป็นคาเฟ่เล็กๆ ที่ตั้งอยู่บนชั้น 2 ของร้านโคมไฟ ซึ่งตั้งอยู่หน้าปากซอยอโศก 3

นอกจากจะได้ฟีลแบบญี่ปุ่นๆ แบบคาเฟ่ zakka ที่เราชื่นชอบแล้ว

ที่นี่ยังขนมอร่อยสุดๆ โดยเฉพาะไอศกรีมโฮมเมดที่เขาทำออกมาสิบกว่ารส

เราชิมแค่รสบลูเบอร์รี่ชีส อร่อยติดใจมากๆ จนอยากกลับไปอีกเลย


เวลาเหนื่อยล้าหรือเครียดทีไร อาการนี้จะหายไปทันทีเมื่อได้ทานอะไรอร่อย ๆ โดยเฉพาะของหวานที่เรียกว่า “ไอศครีม” รู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ได้สัมผัสความหวานเย็นฉ่ำของไอศครีมรสโปรดนั้นค่อย ๆ ละลายในปาก งั้นรอช้าไม่ได้แล้ว ขอตัวรีบไปเติมความสุขที่ว่านี้เลยดีกว่า…

ที่ Little Spoon ร้านเล็ก ๆ เพิ่งเปิดไม่นานในซอยสุขุมวิท 21 ย่านใจกลางเมืองที่มีผู้คนพลุกพล่าน ทว่าภายในร้านนั้นดูเงียบสงบ อวลไปด้วยกล่ินอายอบอุ่นแบบฉบับ Zakka Café สไตล์ญี่ปุ่นใจกลางเมืองโตเกียว หรือบางทีก็ให้นึกถึงคอฟฟี่คาเฟ่ในกรุงโซลด้วยยังไงยังงั้น ไม่ว่าจะเป็นโทนสีขาวดูโปร่งตา อีกฝั่งเป็นกำแพงกระจกใสปล่อยให้แสงธรรมชาติเข้ามาทักทาย เฟอร์นิเจอร์สีเนื้อไม้คู่กับหมอนอิงลายน่ารัก เก้าอี้ทรงกลมอแดปท์จากลังกระดาษรองด้วยเบาะนุ่มลายจุด แถมยังมีมุมขายของจุกจิกเอาใจสาวไทยหัวใจแม่บ้านญี่ปุ่นอย่างเราอีกต่างหาก

 
นั่งวางสัมภาระเรียบร้อย ก็ได้เวลาทำความรู้จักกับไอศครีมของเค้าหน่อย เจ้าของร้านบอกว่าอุ่นใจหายห่วงเรื่องคุณภาพ เพราะทำแบบโฮมเมดเลือกใช้แต่วัตถุดิบเกรดดีเป็นมิตรต่อสุขภาพ ไอศครีมผลไม้ส่วนใหญ่ใช้ผลไม้ Organic หากเป็นไอศครีมนมจะใช้นมและครีมสดแท้ ซึ่งไม่มีส่วนผสมของไขมันพืชแต่อย่างใด และมีไอศครีมมากกว่า 60 รส หมุนเวียนกันไป สนนราคาสกู๊ปละ 49 บาท 2 สกู๊ป 95 บาท

สำหรับรสชาติที่เราเลือกให้เข้ารอบสุดท้ายในวันนี้ก็คือ Strawberry Cream Cheese รสนมสตรอว์เบอร์รี่แทรกด้วยซอสสตรอว์เบอร์รี่เปรี้ยวอมหวานกับครีมชีสรสเค็ม ๆ มัน ๆ, Sweet Monkey กล้วยหอมปั่นผสมกับเนื้อไอศครีม มีซอสสตรอว์เบอร์รี่ซ่อนอยู่, Icy Mint n Chips สีฟ้ารสมินท์หอมสดชื่น, Seriously Dark Chocolate ช็อคโกแลตเข้มข้นที่ผสมจากช็อคโกแลตเบลเยี่ยม ผงโกโก้ฝรั่งเศส และโกโก้ชั้นดี จึงทำให้มีสีและรสเข้มกว่าใคร เอาใจคอ Dark Choc โดยเฉพาะ เด็ดไม่แพ้กันก็คือไอศครีมรสขนมและเครื่องดื่ม อาทิ รสป๊อบคอร์น, รสชา English Breakfast, รส Bailey Irish Cream, รสชาข้าว เป็นต้น

 
ใช่ว่าจะมีแต่ไอศครีมเอาใจ Sweet Lover เท่านั้น ขอบอกว่ามีเบเกอรี่โฮมเมด อบกันใหม่ ๆ ที่ร้านให้ทานด้วย เลือกจานไฮไลท์มาลอง Strawberry Fresh Cream Waffle (160 บาท) วาฟเฟิลท้อปปิ้งหน้าไอศครีมสตรอว์เบอร์รี่ครีมชีสและสตรอว์เบอร์รี่สด, Nutty Professor (130 บาท) วาฟเฟิลตารางหยอด Peanut Butter กับ Nutella เสิร์ฟกับวิปครีมโรยอัลมอนด์ จะให้ดีท้อปหน้าไอศครีมถั่วอย่าง Pistachio หรือ Hazelnut ก็แจ่มเลย, Molten Chocolate Lava (160 บาท) ช็อคฯ ลาวา ทานเข้ากั๊นเข้ากันกับไอศครีมวานิลลาแท้ จับมือเคียงข้างมากับวิปครีมและสตรอว์เบอร์รี่ซอส, Banoffee Pie (95 บาท) ฐานบิสกิตกรุบกรอบ แทรกชิ้นกล้วยหอมคลุกคาราเมลหวานมัน ชั้นบนสุดเป็นครีมสดเนื้อเบาเนียนลิ้น


ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ การันตีว่าเครื่องดื่มก็เลิศไม่แพ้กัน ทั้งแบบร้อน Hot Matcha Latte (85 บาท) ชาเขียวมัทฉะนมร้อน รอซักพักค่อยจิบแบบอุ่นท้อง กับ Hot Earl Grey (85 บาท) ชาอังกฤษพร้อมเซตนมสดและไซรัป หรือแบบเย็นมี Iced Mint Latte (90 บาท) กาแฟมินท์ ทั้งเข้มทั้งสดชื่นตื่นเต็มตาในแก้วเดียว, Ls Chocolate Frappe (95 บาท) ช็อคโกแล็ตปั่น โปะหน้าวิปครีมกับช็อคฯ ชิพ, Strawberry n Cream Frappe (95 บาท) สตรอว์เบอร์รี่ปั่นกับครีมสด Summer Berries Frappe (95 บาท) ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ปั่นผสมโยเกิร์ต


ตอนนี้คิดว่าหลายคนคงตาร้อนผ่าวเป็นแน่แท้ อยากจะทานของอร่อยเหมือนเราใช่มั้ยล่ะคะ? อ้าว! แล้วจะรอช้าทำไม ออกเดินทางกันได้เลย ร้านอยู่ชั้น 2 ของร้านขายโคมไฟ บริเวณปากซอยอโศก 3 ไม่ไกลจากรถไฟฟ้า BTS สถานีอโศก เดินมาพอปาดเหงื่อหน่อย 


(แนะนำให้ออมแรงนั่งรถมอเตอร์ไซค์มาดีกว่าค่ะ)


เวลาเปิด-ปิด : วันอาทิตย์-พฤหัสบดี เวลา 10.00-21.00 น.

และวันศุกร์-เสาร์ เวลา 10.00-22.00 น.
ที่อยู่ : สุขุมวิท 21 ซอย 3 (อโศก) กรุงเทพฯ
โทรศัพท์ : 08 7983 9001